วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โครงการจริยธรรมต่อสังคม

โครงการพัฒนาสุนทรียภาพทางศิลปะ

หลักการและเหตุผล
เด็กนักเรียน คือบุคคลที่เปรียบเสมือนเป็นหน่อหรือต้นกล้าของเยาวชนไทยในอนาคต คือบุคคลที่จะสามารถประคับประคองประเทศชาติให้อยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเด็กรุ่นหลังนี้เอง ในตอนนี้เด็กระดับประถมศึกษาก็เปรียบเสมือนกับผ้าขาวที่จะคอยรับสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้านวิชาการ และการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันเพื่อสามารถปรับตัวเองให้อยู่รอดในสังคมเช่นปัจจุบันได้ ในปัจจุบันนี้การแข่งขันด้ารการเรียนมีสูงมาก ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ แต่น้อยคนนักที่จะเลือกเรียนสายศิลป์ส่วนใหญ่จะตั้งเป้าไปที่สายวิทย์ทั้งสิ้น เพราะคิดว่าหางานทำได้ง่ายเมื่อมีงานจะได้มีเงิน ดังนั้นจึงทำให้เด็กในปัจจุบันแข่งขันกันเรียน ทั้งในระดับโรงเรียนและสถาบันกวดวิชาตั้งแต่เด็กเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมหรือปูพื้นฐานให้ตนเองให้ได้เรียนในสิ่งที่ต้องการและตั้งเป้าหมายไว้ วิชาขิงสายวิทย์ส่วนใหญ่ก็เป็นวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ คณิตศาสตร์ เป็นต้น และยังเป็นวิชาที่ทำให้เกิดความเครียดต่อการเรียนด้วย เพราะจะต้องจำให้ได้จึงจะสอบผ่านจึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่เครียดต่อการเรียนมาก ๆ เพราะทุกคนตั้งเป้าหมายไว้ และต้องแข่งขันกับคนอื่นที่ตั้งเป้าไว้เหมือนกับเราเช่นเดียกัน ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงเล็งเห็นว่า จากที่เด็กนักเรียนได้เรียนในวิชาสามัญนั้นแล้ว ควรจะมีกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้ผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนบ้าง และเป็นการพัฒนาสุนทรียภาพทางด้านต่าง ๆ ทั้งอารมณ์และความรู้สึก จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาสุนทรียภาพทางด้านศิลปะขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาและเป็นการผ่อนคลายในด้านอารมณ์ ความรู้สึก และมีความรู้ทางด้านศิลปะโดยการสอดแทรกเนื้อหาด้านศิลปะเข้าไป และเพื่อให้เป็นการสร้าบรรยากาศให้น่าเรียนรู้มากยิ่งขึ้น จึงได้มีการปรับปรุง ตกแต่ง ห้องเรียนศิลปะ ดนตรี ให้มีน่าเรียน และน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม และหวังว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนในระดับนี้ได้เป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ผ่อนคลายความเครียด มีอารมณ์ที่ดีร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียดต่อการเรียนมาเกินไป

2.ทำให้นักเรียนได้รู้จักวิธีการผ่อนคลายความเครียด และมีความรู้ในด้านศิลปะในระดับหนึ่งหรือมากกว่านั้น

3.ลดปัญหาเด็กนักเรียนป่วยทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล ความเครียดลงกระเพาะ และปัญหาเกี่ยวกับการเรียนต่าง ๆ ได้

4.ให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มอย่างมีระบบแบบแผน และสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

5.เพื่อให้นักเรียนรู้จักตนเองและผู้อื่นมากขึ้น

6.เพื่อปรับปรุงห้องศิลปะ ดนตรี ให้ดูน่าเรียนและมีอารมณ์อยากเรียนมากยิ่งขึ้น

ระยะเวลาในการดำเนินงาน วันพุธ - พฤหัสบดี ที่ 27 - 28 มกราคม พ.ศ. 2553 สถานที่ โรงเรียนวัดรังษีสุทธาวาส(ไร่กล้วย) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

แผนการดำเนินงาน
1. ประชุมกับสมาชิก
2. ดูสถานที่
3. เขียนโครงการ
4.เสนอโครงการ
5. เตรียมอุปกรณ์
6. ดำเนินโครงการ
7. สรุปผลการดำเนินงาน

กิจกรรม โดยจะแบ่งเป็นกิจกรรมในช่วงเช้าจำนวน 5 กิจกรรม โดยแต่ละกิจกรรมก็จะแตกก่างกันไป โดยกิจกรรมส่วนใหญ่จะเน้นทางด้านศิลปะ เพราะกิจกรรมทางด้านศิลปะนั้นจะช่วยในด้านของอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการฝึกและพัฒนาความรู้ด้านศิลปะด้วย และก็จะมีกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้นักเรียน ได้ผ่อนคลายความเครียด มีความสนุกสนาน ทั้งกับเพื่อนๆ และกับพี่ๆ ทำให้เกิดความรัก และความผูกพันระหว่างกันได้อีกด้วย และช่วงบ่ายจะให้ช่วยกันปรับปรุง ตกแต่ง ห้องเรียนศิลปะ ห้องเรียนดนตรี ให้มีความสวยงาม และน่าเรียนมากยิ่งขึ้น

งบประมาณ (รายรับ – รายจ่าย) รายรับ เก็บจากผู้ดำเนินโครงการ คนละ 300 บาท จำนวน 6,900 บาท รายจ่าย ค่าอุปกรณ์ ค่าอาหารกลางวัน และการเดินทาง และอื่นๆ จำนวน 6,700 บาท

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.ช่วยให้เด็กนักเรียนได้ผ่อนคลายความเครียด มีอารมณ์ที่ดีร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียดต่อการเรียนมากเกินไป 2.ช่วยให้นักเรียนได้รู้จักวิธีการผ่อนคลายความเครียด และมีความรู้ในด้านศิลปะในระดับหนึ่งหรือมากกว่านั้น 3.ช่วยลดปัญหาเด็กนักเรียนป่วยทางจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล ความเครียดลงกระเพาะ และปัญหาเกี่ยวกับการเรียนต่าง ๆ ได้ 4.ช่วยให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มอย่างมีระบบแบบแผน และสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
5. ช่วยให้นักเรียนรู้จักอารมย์ของตนเอง และผู้อื่น และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและสังคมได้ด้วย
6. ช่วยให้นักเรียนมีห้องเรียนศิลปะ ดนตรี ที่น่าเรียนมากกว่าเดิม เป็นการช่วยทำให้บรรยากาศการเรียนดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

ประมวลภาพการจัดกิจกรรม

















































รักษ์บ้านเกิด

สถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดอำนาจเจริญ

"พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้ำ

งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา

เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม

ราษฎร์เลื่อมใสใฝ่ธรรม "



พระมงคลมิ่งเมือง (พระใหญ่)เป็นสิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ตั้งอยู่ที่พุทธอุทยาน ถนนชยางกูร อำเภอเมือง มีพุทธลักษณะ ตามอิทธิพลด้านศิลปะอินเดียเหนือแคว้นปาละ ซึ่งได้แผ่อิทธิพลด้านศิลปะมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เมื่อรวาพุทธศตวรรษที่ 13-16 เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 11 เมตร ส่วนสูงวัดจากพื้นดินระดับต่ำสุดถึงยอดเปลว 20 เมตรโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กโดยตลอด ผิวนอกฉาบปูนบุด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง การก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2508 เชื่อกันว่าพระมงคลมิ่งเมืองเป็น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนทั้งชาวอำนาจเจริญและจังหวัดใกล้เคียงมีความเคารพและ กราบไหว้บูชาทุกปี ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (วันมาฆะบูชา) ชาวบ้านจะจัดงานนมัสการ พระมงคลมิ่งเมืองและถือได้ว่าเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดอำนาจเจริญที่ถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน มีการแสดง แสง เสียง ตำนานเมืองอำนาจเจริญเป็นประจำทุกปี
พระมงคลมิ่งเมือง (เป็นพระที่อยู่ในโครงการไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมี ที่อำนาจเจริญ)ประดิษฐานอยู่ในบริเวณพุทธอุทยาน ถนนชยางกูร ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองฯ จังหวัดอำนาจเจริญ มีพุทธลักษณะตามอิทธิพลของศิลปะอินเดียเหนือ แคว้นปาละ หน้าตัก กว้าง ๑๑ เมตร ส่วนสูงวัดจากพื้นดินถึงยอดเปลว ๒๐ เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกฉาบปูนบุด้วยกระเบื้องโมเสก สีทอง ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖ แล้วเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ จัดทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรก เมื่อ วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๘
ความเชื่อและศรัทธา พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุพระสารีริกธาตุ ที่ได้รับมาจากประเทศอินเดียไว้ที่องค์พระ และล่ำลือกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้ขอพรพระมงคลมิ่งเมือง ซึ่งถือเสมือนการได้ไปกราบไหว้พระสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดีย เป็นการเสริมมงคลแก่ชีวิต มีความเจริญก้าวหน้า มีอำนาจวาสนา และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นหลักชัยในบ้านเมือง

สวนมิ่งเมืองเฉลิมพระเกียรติ
ตั้งอยู่ที่ ตำบลบุ่ง อำเภอเมือง มีเนื้อที่ 35 ไร่ 13 ตารางวา ภายในสวนมิ่งเมือง เฉลิมพระเกียรติ เป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดศาล หลักเมือง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2544





วัดถ้ำแสงเพชร วัดถ้ำำแสงเพชร หรือศาลาพันห้องเป็นศาลาอยู่ยอดเขาสูงทิศเหนือมีถ้ำขนาดใหญ่ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปสวยงาม ต่อมาเมื่อปี 2511 หลวงปู่ชา (วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี) ได้มาพำนักบำเพ็ญธรรมที่ถ้ำพระใหญ่ 5 คืนถ้ำแสงเพชร เป็นสำนักสงฆ์ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของวัดหนองป่าพง มีการพัฒนาสิ่งต่าง ๆมากมาย มีการตัดถนนทางราดยางถึง มหาวิหาร กว้าง 28 เมตร ยาว 60 เมตร โดยพื้นชั้นล่างเป็นแทงค์เก็บน้ำฝนไว้ใช้หน้าแล้งและทำให้วิหารมีบรรยากาศเย็น ข้างมหาวิหารมีพระพุทธไสยาสน์ ยาว 19 เมตร มีพุทธลักษณะที่สวยงาม และเจดีย์สถูปภายในมีรูปปั้นเหมือนของหลวงปู่ชา และภาพเขียนฝาผนังสีน้ำพุทธประวัติสวยงามมาก ห่างจากจังหวัดไปทาง อ.ปทุมราชวงศา 11 กม.

น้ำตกตาดใหญ่ เป็นน้ำตก 2 ชั้น ที่สวยงามขวางกั้นล้ำ้น้ำห้วยทม น้ำตกกว้าง 50 เมตร แต่ละชั้นสูงประมาณ 2.5 เมตร ด้านล่างเป็นหาดทรายบริเวณสองฝั่งเต็มไปด้วยป่าไม้ธรรมชาติ อยุ่ระหว่างบ้านนามงามและบ้านหินกอง




วัดพระเหลาเทพนิมิต
พระเหลาเทพนิมิต เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดพระเหลาเทพนิมิต อ.พนา สร้างด้วยอิฐถือปูน ลงรักปิดทองสูง 2.70 เมตร หน้าตักกว้างเล่าลือกันในหมู่ชาวบ้านไม่รู้จบสิ้น เป็นที่เคารพนักถือของประชาชนชาวพุทธทั่วไปนานกว่า 200 ปี นักโบราณคดีจากกรมศิลปากรสันนิษฐษนว่า ทั้งโบสถ์และองค์พระประธานเป็นสถาปัตยกรรมในศิลปะลาวมีอายุราว พ.ศ.2263 เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 3 ของทุกปี ซึ่งถือกันว่าเป็นเทศกาลปิดทองอค์พระเหลาเทพนิมิต จะมีพุทธศาสนิกชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาบำเพ็ญบุญและแก้บน โดยนำปราสาทผึ้งมาทอดถวาย นำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะ กลายเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาิมิได้ขาด แม้ในวันธรรมดาก็มีผู้นิยมศรัทธาเลื่อมใสมานมัสการเป็นประจำ
พระเหลาเทพนิมิต (เป็นพระที่อยู่ในโครงการไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมี ที่อำนาจเจริญ) พระเหลาเทพนิมิต ประดิษฐานในอุโบสถวัดพระเหลาเทพนิมิต ตำบลพนา อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยในสกุลศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ หล่อปูนลงรักปิดทอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณพ.ศ. ๒๒๖๓ กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะ งดงามที่สุดองค์หนึ่งใน ภาคอีสาน ช่างที่สร้างเศียรพระคือซาพรหม ซึ่งเชื่อว่ามีเทวดาลงมาช่วยในการก่อสร้าง ทำให้องค์พระมีความงดงาม กลมกลึงประดุจการหล่อเหลาด้วยมือของเทวดา ความเชื่อและศรัทธามีคำเล่าลือกันว่าทุกคืนวันพระ จะปรากฏลำแสง ลอยออกจากอุโบสถในเวลาเงียบสงัด และเชื่อกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้พระเหลาเทพนิมิตจะพบแต่ความสุขสบาย เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้บังคับบัญชา มีวาสนาสูงส่ง เป็นที่รักและเคารพนับถือแก่คนทั่วไป

วัดดงเฒ่าเก่า บ้านหนองเรือ ตำบลนาหมอม้า อำเภอเมืองอำนาจเจริญ เป็นแหล่งที่มีการปักเสมาในพื้นที่กว้าง มีการสลักลวดลายนูนตำ่เป็นรูปดอกไม้ รูปหม้อนำ้ และตอนบนเป็นรูปวงกลมคล้ายธรรมจักร มีอายุไม่น้อยกว่าพุทธศตวรรษที่ 12-13 และยังพบพระพุทธรูปหินทรายแบบทวารวดีตอนปลายด้วย

พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีเจริญ บ้านหัวตะพาน ต.พระศรีเจริญ อ.หัวตะพาน พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 1.30 เมตร (15 นิ้ว) สูงจากยอดพระสงฆ์เบื้องล่างถึงพระเกศสูง 2.00 เมตร (80 นิ้ว) พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เล่ากันว่าสร้างมาแล้ว 750 ปี ในเดือน 4 ขึ้น 8 ค่ำ และ 15 ค่ำของทุกปี ชาวบ้านจะจัดงานนมัสการปิดทององค์พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
พระเจ้าใหญ่พระศรีเจริญ (เป็นพระที่อยู่ในโครงการไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมี ที่อำนาจเจริญ)ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดพระศรีเจริญ ตำบลหัวตะพาน อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ มีพุทธลักษณะแบบศิลปะล้านช้าง ปางมารวิชัย หล่อด้วยปูน ลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๓๐ เมตร ส่วนสูงจากพระชงฆ์ ถึงยอดพระเกศ ๒ เมตร สร้างมาประมาณ ๗๕๐ ปี เคยปรากฏอภินิหารเกิดขึ้นให้เห็นหลายครั้ง คือ มีประกายรัศมี ออกจากองค์พระเป็นแสงสุกใสล่องลอยไปที่โคนต้นโพธิ์ ด้านหน้าอุโบสถ ความเชื่อและศรัทธาความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าใหญ่ศรีเจริญเป็นที่เลื่องลือถึงความความแคล้วคลาดใครที่ได้มากราบไหว้ขอพรหรือมีพระเครื่องพระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ จะเดินทางไปมาค้าขายแคล้วคลาดปลอดภัย ในอดีตมีทหารที่เดินทางไปสู้รบในสงครามนำพระเครื่องพระเจ้าใหญ่พระศรีเจริญติดตัวไปด้วย และรอดชีวิตกลับมาทุกคน จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานมาจนปัจจุบัน

วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย (เป็นพระที่อยู่ในโครงการไหว้พระ ๙ วัด เสริมอำนาจบารมี ที่อำนาจเจริญ)วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย ตั้งอยู่ที่วัดบ่อชะเนง อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ศึกษาอบรมปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่จังหวัดหนองคาย ตลอดชีวิตในเพศบรรพชิตท่านได้อุทิศชีวิตไปในการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่น เดินธุดงค์จำพรรษาตามป่า เขา เผชิญกับอุปสรรคมากมายอย่างไม่สะทกสะท้าน จนภูมิธรรมเต็มจิตใจ หมดความสงสัยในธรรมอย่างสิ้นเชิงชาวบ้านในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ร่วมกันก่อสร้างวิหารและรูปเหมือนของหลวงปู่ เพื่อเป็นอุเทสิกเจดีย์ แห่งความดีงามให้ชนรุ่นหลังได้กราบไหว้และศึกษาถึงวัตรปฏิบัติที่งดงาม ความเชื่อและศรัทธาเชื่อกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้รูปเหมือนหลวงปู่ขาว อนาลโย จะทำให้สิ้นทุกข์ สิ้นภัย จิตใจผ่องใส สติปัญญาเฉียบแหลม


จังหวัดอำนาจเจริญ ยินดีต้อนรับทุกท่าน ที่อยากจะไปท่องเที่ยว และ เยี่ยวชมวิถีชีวิตพื้นบ้านของคนในท้องถิ่น รับรองว่า ถ้าใครได้ไปเยี่ยมชมแล้ว จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

คนรักลูกทุ่ง รายการชิงช้าสวรรค์




รายการชิงช้าสวรรค์คอนเทสต์



ผู้ดำเนินรายการประจำช่วง : สิเรียม , โน้ต , ส้มเช้ง
ระยะเวลาการออกมากาศ : 6 พฤศจิกายน 2547 - ปัจจุบัน
การประกวดวงลูกทุ่งเยาวชนไทย ที่ประกอบด้วยนักดนตรี นักร้อง หางเครื่องเป็นส่วนประกอบหลัก ถือว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของรายการ
ผู้ตัดสิน
ผู้ตัดสินด้านดนตรี ครูแดน บุรีรัมย์
แฟนพันธุ์แท้เพลงลูกทุ่ง
ผู้ตัดสินด้านการร้อง ครู
ชลธี ธารทอง
ศิลปินแห่งชาติ ปี 2542
ผู้ตัดสินด้านการร้อง ครู
ลพ บุรีรัตน์
ศิลปินแห่งชาติ ปี 2548
ผู้ตัดสินด้านการร้อง ครู
สลา คุณวุฒิ
ศิลปินนักแต่งเพลงชื่อดัง
ผู้ตัดสินด้านการหางเครื่องและโชว์ ครู
ชุติเดช ทองอยู่
(ครูเทียม) ครูสอนเต้นเพลงลูกทุ่งระดับแนวหน้าของประเทศไทย
รูปแบบการแข่งขัน
แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ชิงถ้วยรางวัลประจำฤดู พร้อมทุนการศึกษา 100,000 บาท และเมื่อได้แชมป์ประจำฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ครบทั้ง 3 ฤดูแล้ว จะนำทั้ง 3 แชมป์แต่ละฤดู และรองแชมป์แต่ละฤดูรวมเป็น 6 ฤดู มาแข่งแบบไขว้ เพื่อหาผู้ชนะเพียง 3 โรงเรียน มาแข่งขัน Champ Of The Champ ประจำปีนั้น ๆ และเป็นผู้ครองถ้วยพระราชทานจาก
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และให้ผู้ชมทางบ้านเข้าไปชมในรอบชิงแชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์


ปีที่ 1 พ.ศ. 2548


แชมป์ฤดูหนาว คือ จ่านกร้อง จ.พิษณุโลก

รองแชมป์ คือ ทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ จ.สุโขทัย

แชมป์ฤดูร้อน คือ บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา
รองแชมป์ คือ บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จ.กรุงเทพฯ

แชมป์ฤดูฝน คือ พิไกรวิทยา จ.กำแพงเพชร
รองแชมป์คือ กำแพงเพชรพิทยาคม จ.กำแพงเพชร


แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ปีที่ 1 คือ จ่านกร้อง จ.พิษณุโลก

ปีที่ 2 พ.ศ. 2549


แชมป์ฤดูหนาว คือ ศึกษานารี กรุงเทพฯ


รองแชมป์ คือ นวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัยสมุทรปราการ


แชมป์ฤดูร้อน คือ บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา
รองแชมป์ คือ สายน้ำผึ้งในพระอุปถัมภ์ กรุงเทพฯ

แชมป์ฤดูฝน คือ จ่านกร้อง จ.พิษณุโลก

รองแชมป์ คือ พระปฐมวิทยาลัย จ.นครปฐม


แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ คือ จ่านกร้อง จ. พิษณุโลก





ปีที่ 3 พ.ศ. 2550





แชมป์ฤดูหนาว คือ มัธยมด่านขุนทด จ.นครราชสีมา


รองแชมป์ คือ ทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ จ.สุโขทัย





แชมป์ฤดูร้อน คือ อัมพวันวิทยาลัย จ.สมุทรสงคราม






รองแชมป์ คือ วชิรปราการวิทยาคม จ.กำแพงเพชร




แชมป์ฤดูฝน คือ มัธยมประชานิเวศน์ กรุงเทพฯ




รองแชมป์ คือ ศึกษานารี กรุงเทพฯ




แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ ปีที่ 3 คือ ทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมป์ จ.สุโขทัย







ปีที่ 4 พ.ศ. 2551








แชมป์ฤดูร้อน คือ จ่านกร้อง จ.พิษณุโลก




รองแชมป์ คือ วัดป่าประดู่ จ.ระยอง




แชมป์ฤดูฝน คือ อัมพวันวิทยาลัย จ.สมุทรสงคราม






รองแชมป์ คือ หารเทารังสีประชาสรรค์ จ.พัทลุง







แชมป์ฤดูหนาว คือ มัธยมด่านขุนทด จ.นครราชสีมา









รองแชมป์ คือ ทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ จ.สุโขทัย



แชมป์ออฟ เดอะ แชมป์ ปีที่ 4 คือ อัมพวันวิทยาลัย จ. สมุทรสงคราม


ปีที่ 5 พ.ศ. 2552







แชมป์ฤดูฝน คือ วินิตศึกษาในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลพบุรี






รองแชมป์ คือ ประโคนชัยพิทยาคม จ.บุรีรัมย์
ปัจุบันกำลังแข่งขันเพื่อหาแชมป์ฤดูหนาว



รักโรงเรียนไหน เชียร์โรงเรียนไหนก็อย่าลืม ส่งกำลังใจไปให้ นะครับ

หมายเหตุ: รองแชมป์ในปีที่ 1 และ 2 จะยังไม่ได้สิทธิ์แข่งรอบ Champ of the Champ โดยที่รองแชมป์ในแต่ละฤดู จะได้สิทธิ์แข่ง Champ of The Champ ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป